ภัยพิบัติแปลกๆ ทั่วโลกที่เกิดจากน้ำมือมนุษย์

ภยพบตแปลกๆ ทวโลก ทเกดจากนำมอมนษย

ภัยพิบัติแปลกๆ ทั่วโลกที่เกิดจากน้ำมือมนุษย์

หากพูดถึงเรื่องที่อันตรายที่สุดในโลกก็คงไม่พ้นเรื่องของภัยพิบัติที่เกิดจากธรรมชาติ ซึ่งไม่ว่าจะเป็น ภูเขาไฟระเบิด สึนามิ แผ่นดินไหว พายุ เป็นต้น แต่รู้หรือไม่ว่าจริงๆ แล้วก็มีภัยพิบัติที่ไม่ได้เกิดขึ้นจากธรรมชาติ แต่เป็นฝีของของมนุษย์อย่างเราเอง แต่ที่จะพูดถึงในนี้จะเป็นภัยพิบัติสุดแปลกที่หลายคนอาจจะไม่เชื่อว่าเกิดขึ้นจริง งั้นตามไปดูกันเลยว่ามนุษย์อย่างเรานั้นทำให้เกิดภัยพิบัติสุดแปลกอะไรกันบ้าง

ภัยพิบัติแปลกๆ ที่เกิดจากน้ำมือมนุษย์

1. The London Beer Flood of 1814

เมื่อ 200 กว่าปีมาแล้วได้เกิดภัยพิบัติ เบียร์ท่วมเมืองลอนดอน โดยเหตุเกิดขึ้นในวันที่ 17 ตุลาคม ค.ศ. 1814 ที่โรงกลั่น  Meux & Company Brewery อยู่ในเขตแพริชเซนต์ไจลส์ (St.Giles) ของกรุงลอนดอน

โดยได้เกิดเหตุการณ์เบียร์รั่วไหลและแตกทะลักออกจากถังบรรจุเบียร์จำนวนมาก ซึ่งถังเบียร์ที่แตกนั้นสามารถบรรจุเบียร์ได้ถึง 610,000 ลิตร แล้วแรงดันนั้นได้ทำให้ถังบรรจุเบียร์ถังอื่นๆ แตกออกมาตามๆ กัน จนเกิดเป็นลักษณะคล้ายลูกโซ่โดมิโน่ขึ้น สุดท้ายจึงทำให้เกิดเป็นลูกคลื่นเบียร์ขนาดยักษ์ โดยคลื่นนั้นมีความสูงราว 5 เมตร ไหลไปทำลายบ้านผูคนพังไป 2 หลัง และยังกำแพงบาร์  Tavistock Arms จนล้มลงทาทับลูกค้าจนเสียชีวิตไปหนึ่งคน  ซึ่งคาดว่าเบียร์ที่แตกทะลักออกมานั้นมีปริมาณสูงถึง 1,470,000 ลิตรเลยทีเดียว ย่านที่โรงเบียร์ตั้งอยู่เป็นชุมชนที่แออัด จึงทำให้เบียร์ไหลทะลักเข้าชั้นใต้ดินของบ้านคน และจากเหตุการณ์นี้ ก็พบว่ามีผู้เสียชีวิตจากการจมอยู่ใต้คลื่นเบียร์ถึง 8 รายด้วยกัน

2. Great London Death Fog of 1952

คือภัยพิบัติหมอกพิษเข้าปกคลุมกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษในช่วงวันที่ 5-9 ธันวาคม ปีค.ศ. 1952  เมื่อกรุงลอนดอนต้องพบกับสภาพอากาศหนาวเย็นไปพร้อมกับควันพิษที่เกิดจากการทำเหมือนหินที่อยู่ไม่ไกลจากตัวเมือง จึงทำให้ควันพิษนั้นจับตัวกันหลายเป็นหมอกพิษสีเหลืองอมดำ และจากเหตุการณ์นี้ก็พบว่า ทั้งคนและสิ่งมีชีวิตในกรุงลอนดอนได้รับผลกระทบอย่างมาก นอกจากนี้ยังพบว่ามีผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมากถึง 4,000 คนเลยทีเดียว ถือได้ว่าเหตุการณ์นี้เป็นโศกนาฏกรรมที่ร้ายแรงที่สุดอีกภัยพิบัติหนึ่งเลยก็ว่าได้

ภเขาไฟโคลนระเบด Sidoarjo Mud Volcano of 2006

3. Sidoarjo Mud Volcano of 2006

เป็นภัยพิบัติภูเขาไฟโคลนระเบิด และกลายเป็นภูเขาไฟโคลนที่ใหญ่ที่สุดในโลก เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม ปีค.ศ. 2006 เหตุเกิดขึ้นที่หมู่บ้านแห่งหนึ่ง ทางทิศตะวันออกเกาะชวา ประเทศอินโดนีเซีย เนื่องจากบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง PT Lapindo Brantas ได้ทำการขุดเจาะเพื่อสำรวจหาแหล่งพลังงานธรรมชาติ และด้วยความลึกที่ได้ขุดลงไปใต้ดินกว่า 2,837 เมตร จึงทำให้โคลนที่อยู่บริเวณนั้นถูกดูดและไหลทะลักลงไป แล้วเกิดเป็นโคลนปะทุกลายเป็นภูเขาไฟโคลนระเบิดขึ้น เนื่องจากความดันและน้ำใต้โคลนที่ความร้อนสูงกว่า 60 องศาเซลเซียส ด้วยความร้อนของโคลนที่ปะทุออกมา ไหลท่วมทุ่งนาในบริเวณในละแวกนั้นที่มีผู้คนอาศัยอยู่จำนวนหนึ่ง จึงทำให้พบผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์นี้ถึง 20 คน

4. Great Molasses Flood of 1919

คือภัยพิบัติกากน้ำตาลท่วมเมืองที่ Purity Distilling Company ในเมืองบอสตัน สหรัฐอเมริกา เมื่อปี ค.ศ.1919 ซึ่งกากน้ำตาลนั้นได้เกิดรั่วไหล และทะลักออกมาท่วมบ้านเมืองผู้คน โดยกากน้ำตาลที่ทะลักออกมามีปริมาณมหาศาลถึง 2.3 ล้านลิตรนั้น ได้กลายเป็นคลื่นยักษ์สูงถึง 7.5 เมตร และเคลื่อนที่ด้วยความเร็วกว่า 56 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทำให้มีผู้เสียชีวิตจากการถูกพัดพาร่าง แล้วจมหายไปกับคลื่นยักษ์กากน้ำตาลนี้กว่า 21 ราย และผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์นี้ ก็ไม่สามารถแยกออกได้ว่าใครเป็นใคร เนื่องจากบนตัวผู้เสียชีวิตเต็มไปด้วยเกล็ดน้ำตาลนั่นเอง

5. Lake Peigneur of 1980

หรือก็คือภัยพิบัติที่เกิดความผิดพลาดจากการขุดเจาะน้ำมัน เมื่อปีค.ศ.1980 ได้เกิดความผิดพลาดในการขุดเจาะน้ำมันของบริษัท Texaco Oil Rig ที่พลาดไปเจาะทะลุเหมืองเกลือที่อยู่บริเวณใต้ดินของทะเลสาบ Lake Peigneur ถึงแม้ว่ารูที่ขุดพลาดนั้น จะมีความกล้างเพียงไม่กี่นิ้ว แต่ด้วยปริมาณของน้ำทะเลสาบจำนวนมหาศาล ทำให้เกิดเป็นวังน้ำวนขนาดใหญ่ ในขณะเดียวกันพื้นดินและต้นไม้บริเวณนั้นก็ถูกกลืนลงไปตามไปด้วย ทำให้เหตุการณ์กลายเป็นน้ำตกชั่วคราว ที่มีความสูงถึง 50 เมตรด้วยกัน นอกจากนั้นแล้วทะเลสาบแห่งนี้ก็กลายเป็นทะเลสาบน้ำเค็มไปอย่างถาวร แต่ยังนับโชคดีที่ภัยพิบัติในครั้งนี้ไม่พบผู้เสียชีวิตเลย

เรื่องเหลือเชื่อและน่าเศร้ามาก ที่ผู้คนต้องมาผจญกับภัยพิบัติจากน้ำมือมนุษย์ด้วยกันกันเอง