อ้วนลงพุง คืออะไร เส้นรอบพุงเท่าไหร่ ถึงจะเรียกว่า “พุงเกิน”

 

อวนลงพง คออะไร

อ้วนลงพุง คืออะไร เส้นรอบพุงเท่าไหร่ ถึงเรียกว่า “พุงเกิน”

โรคอ้วนลงพุง หรือ Metabolic syndrome เกิดจากภาวะที่ไขมัน สะสมอยู่ตามอวัยวะต่างในช่องท้องมากเกินไป จนทำให้หน้าท้องยื่นเกินอออกมา 

คุณอ้วนลงพุง อยู่หรือเปล่า?  คนที่มีน้ำหนักตัวปรกติ ก็อาจกำลังอยู่ในสภาวะอ้วนลงพุงอยู่ก็ได้ ถ้าอยากรู้ ก็ลองวัดขนาดเส้นรอบพุงผ่าสะดือ ซึ่งต้องไม่เกินส่วนสูงหารด้วย 2 เช่น คนมีส่วนสูง 160 เซนติเมตร เส้นรอบพุงต้องไม่เกิน 80 เซนติเมตร ถ้าเกินมาแม้กระทั่ง 1 เซนติเมตร ก็แสดงว่าคุณกำลังเข้าสู่สภาวะ อ้วนลงพุง

อวนลงพง คออะไร เสนรอบพงเทาไหร ถงจะเรยกวา พงเกน

คนที่มีน้ำหนักตัวปรกติ ก็อาจกำลังอยู่ในสภาวะอ้วนลงพุงอยู่ก็ได้ ถ้าอยากรู้ ก็ลองวัดขนาดเส้นรอบพุงผ่าสะดือ ซึ่งต้องไม่เกินส่วนสูงหารด้วย 2 เช่น คนมีส่วนสูง 160 เซนติเมตร เส้นรอบพุงต้องไม่เกิน 80 เซนติเมตร ถ้าเกินมาแม้กระทั่ง 1 เซนติเมตร ก็แสดงว่าคุณกำลังเข้าสู่สภาวะ อ้วนลงพุง

คุณรู้หรือไม่ คนไทยจำนวน 1 ใน 3 คน ตกอยู่ในภาวะที่มี “พุง” ยื่นเกินออกมา หรือที่เรียกกันว่า โรคอ้วนลงพุง สาเหตุของการอ้วนลงพุง มาจากการรับประทานอาหาร 2 ประเภทดังต่อไปนี้ มากเกินไป 

1. อาหารประเภทไขมัน 

การรับประทานอาหารที่มีไขมันหรือแคลอรี่สูง ยกตัวอย่างเช่น อาหารทอด อาหารมัน บ่อยๆ ซึ่งอาหารประเภทนี้เมื่อเราทานเข้าไป ลำไส้เล็กก็จะทำหน้าที่ดูดซึม แล้วส่งต่อไปตามส่วนต่างๆของร่างกายเพื่อใช้ในการละลายวิตามิน สร้างฮอร์โมน แต่ถ้าเราทานอาหารประเภทไขมันมากเกินไปจนเหลือใช้ มันก็จะถูกลำเลียงนำไปเก็บไว้ที่ใต้ผิวหนังและช่องท้อง เพื่อใช้เป็นพลังงานสำรอง เมื่อไหร่ก็ตามที่เรามีการเคลื่อนไหว หรือทำกิจกรรมต่างๆ ร่างกายก็จะไปหยิบเอาพลังงานสำรองออกมาใช้ ยิ่งขยับมากพลังงานสำรองก็จะถูกใช้มากขึ้น จนตัวเราเริ่มเพรียวลง ในทางตรงกันข้ามถ้าเราไม่ยอมขยับเขยื้อนร่างกาย แถมยังทานอาหารที่มีไขมันเพิ่มไปอีก พลังงานสำรองก็จะมีมากเกินไป จนรอบเอวของเราเริ่มหนาขึ้น ผิวหนังบริเวณรอบๆเอวจะมีเส้นเลือดฝอยอยู่เป็นจำนวนมาก พอเราปล่อยให้ไขมันเหลืออยู่เป็นจำนวนเยอะ มันก็จะถูกเส้นเลือดฝอยลำเลียงไปยังเส้นเลือดหลักๆ ไขมันส่วนเกินเหล่านั้นก็จะเกาะจับที่ผนังหลอดเลือด จนทำให้เส้นเลือดเกิดการตีบตัน จนเลือดไหลเวียนไม่สะดวก ต้องใช้แรงดันมากขึ้นในการลำเลียงเลือด หัวใจก็จะทำงานหนักขึ้นเพื่อฉูบฉีดเลือดผ่านเส้นเลือดตีบๆที่มีไขมันพอกพูนอยู่ จนทำให้เกิดโรคความดันสูง และมีโรคเรื้ออื่นๆที่จะตามมาอีกเพียบ 

2. อาหารประเภทน้ำตาลและแป้ง

น้ำตาลเป็นสารอาหารที่ร่างกายดูดซึมนำไปใช้ได้อย่างรวดเร็ว สังเกตุว่าเวลาที่รู้สึกหิวจนหมดแรง แต่พอได้รับประทานอะไรหวานๆเข้าไป ก็จะรู้สึกสดชื่นกระปรี้กระเปร่าขึ้นมาทันที อะไรที่หวานๆก็มักจะทานง่าย หลายคนจึงมีพฤติกรรมเสพติดรสหวาน พอได้ทานก็ยิ่งอยากทานมากขึ้น จนหยุดแทบไม่ได้ 

น้ำตาลถูกเปลี่ยนไปเป็นไขมัน แล้วพอกพูนอยู่รอบๆพุงหรือใต้ผิวหนัง ได้อย่างไร?

เมื่อเราทานอาหารประเภทน้ำตาลเข้าไป ลำไส้เล็กจะทำหน้าที่เปลี่ยนน้ำตาลให้กลายเป็นกลูโคส แล้วอินซูลินจากตับอ่อนจะมาพากลูโคสเข้าไปในเซลล์ แล้วเผาผลาญกลูโคสให้เป็นพลังงานพร้อมนำใช้สำหรับอวัยวะต่างๆของร่างกาย หลังจากนั้นอวัยวะอย่าง สมอง กล้ามเนื้อและหัวใจ ก็จะดึงเพลังงานเหล่านี้ออกมาใช้อย่างง่ายดาย ถ้าพลังงานเกินจนเหลือใช้ ก็จะถูกนำไปเก็บไว้ที่กล้ามเนื้อ แต่ … ถ้าพลังงานสำรองนั้นมีมากจนเกินไปก็จะถูกตับเปลี่ยนให้เป็นไขมัน แล้วนำไปเก็บที่ใต้ผิวหนัง และช่องท้อง 

อ้วนลงพุง ทำให้เกิดโรคเบาหวาน ได้อย่างไร?

พอทานอาหารหวานมากๆ พลังงานสำรองก็มีเหลือเฟือจนถูกเปลี่ยนเป็นไขมันสะสมอยู่ในช่องท้องมากขึ้นไปด้วย ไขมันก็จะไปเกาะที่ผนังเซลล์จนหนาขึ้น อินซูลินจึงพาน้ำกลูโคสผ่านเข้าไปในเซลล์ได้แค่บางส่วน หรือว่าง่ายก็คือ ไขมันช่องท้องรวมตัวกันทำให้เซลล์มีอาการ “ดื้ออินซูลิน” จนน้ำตาลที่เข้าเซลล์ไม่ได้ตกค้างอยู่ในกระแสเลือด ในภาวะปรกติแล้ว ร่างกายจะกำจัดน้ำตาลตกค้างเหล่านี้ออกทางปัสสาวะได้บ้าง แต่ถ้าเรายังเดินหน้าทานอาหารหวานมากๆเป็นประจำ รบการกำจัดน้ำตาลในร่างกายก็จะทำงานหนักจนเสื่อม และทำให้เกิดโรคเบาหวานได้ในที่สุด 

ไม่อยากเป็นโรคอ้วนลงพุงทำอย่างไร

1. ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกิน ลด ละ เลิก อาหารที่มีน้ำตาล รวมถึงอาหารที่ไขมันหรือแคลอรี่สูง หันมารับประทานผักผลไม้ที่มีเส้นใยอาหารให้มากขึ้น รวมถึงการออกกำลังกาย 

ผลการทดสอบ Talk Test

การทดสอบ Talk Test หรือ เดินไปพูดไป ถ้าคุณพูดไม่ได้ หายใจหอบ แสดงว่าร่างกายของคุณกำลังมีปัญหา 

2. เพิ่มกิจกรรมให้กับร่างกาย ถ้าใครอยากทดสอบความฟิตของตัวเอง ก็สามารถทำด้วยวิธีการ Talk Test คือเดินไป พูดไป ตามตัวอย่างในคลิปวีดีโอแล้วมาดูว่าผลลัพท์นั้นเป็นยังไง แล้วถ้าผลพบว่าร่างกายคุณอ่อนแอ แล้วทำจะทำอย่างไร ทาง สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ หรือ สสส เขามีคำตอบมาให้ ติดตามชมได้ในคลิปวีดีโอ

เป็นอย่างไรบ้างคะ เป็นวีดีโอที่สื่อและอธิบายให้เข้าใจแบบง่ายๆ ตอนแรกผู้เขียนก็แอบดีใจ นึกว่าแค่หายใจ เอาก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกไป ก็จะช่วยทำให้พุงหายไปซะอีก ที่ไหนได้ แค่หายใจออกอย่างเดียวไม่พอค่ะ ต้องออกกำลังกายด้วย การออกกำลังกายแบบง่ายๆด้วยการเดินเร็วเหมือนรีบไปให้ทันนัดต่อเนื่องครั้งละ 10 นาที อย่างน้อยวันละ 3 ครั้ง เพื่อให้กล้ามเนื้อหัวใจแข็งแรงขึ้นอย่างมีประสิทธิภาพจากการฝึกให้ฉูบฉีดโลหิตในขณะเดิน ส่วนปอดก็จะทำหน้าที่สูดเอาก๊าซออกซิเจนไปใช้ได้อย่างเต็มที่ แถมเซลล์กล้ามเนื้อต่างๆก็จะทำการเผาผลาญสารอาหารต่างๆให้กลายเป็นพลังงาน จนไม่เหลือให้เก็บเอาไปสะสม แค่นี้ก็ลดพุงได้แล้วค่ะ สำหรับคนที่ไม่มีเวลาหรืออยู่ในสถานที่ๆจำกัด ก็อาจจะออกกำลังกาย ลดพุง ด้วยวิธีการแกว่งแขนแทน

ที่มา : สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ