โรคจอประสาทตาเสื่อม วิธีถนอมดวงตาในยุคดิจิตอล

โรคจอประสาทตาเสอม วธถนอมดวงตาในยคดจตอล

โรคจอประสาทตาเสื่อม วิธีถนอมดวงตาในยุคดิจิตอล

ในยุคดิจิตอลนั้นพบว่าผู้คนเริ่มมีปัญญาเรื่องดวงตาก่อนวัยอันสมควร โรคจอประสาทตาเสื่อม เป็นโรคที่คนสมัยนี้เป็นกันมากขึ้นจนน่าตกใจ ดวงตาของคนเรานั้นเป็นอวัยวะในร่างกายที่ถูกใช้งานมากที่สุดในร่างกาย แต่หลายคนกลับมองข้ามการดูแลถนอมไว้ ยิ่งในปัจจุบันโลกของเราก็มีการเปลี่ยนแปลงและพัฒนาในเรื่องของเทคโนโลยีไปอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะสมาร์ทโฟนหรือแท็บแล็ต ซึ่งเทคโนโลยีเหล่านี้เองที่ทำร้ายดวงตาเราอย่างที่มาก่อนโดยไม่รู้ตัว และจากผลสำรวจจากสุขภาพดวงตาของคนที่มีอายุ 50 ปี ทั่วโลกกว่า 45 ล้านคน พบว่า 80 เปอร์เซ็นต์จากจำนวนคนทั้งหมดมีปัญหาทางสายตาและบางรายก็อาจจะแย่จนถึงขั้นตาบอดกันเลย หากใครที่ไม่อยากเสี่ยงต่อการตาบอดหรือมีความคิดที่จะหันมาดูแลดวงตาของเราเอง วันนี้จึงมีวิธีถนอมดวงตากันมาฝากกัน 

โรคจอประสาทตาเสื่อม คืออะไร

ก่อนอื่นไปทำความรู้จักกับโรคจอประสาทตาเสื่อม (Age related macular degeneration : AMD) ซึ่งเป็นโรคที่จอประสาทตานั้นเสื่อมก่อนวัยอันควร และเป็นโรคที่หน้ากลัวชนิดหนึ่ง เนื่องจากเมื่อไหร่ก็ตามที่จอประสาทดับก็จะทำให้ดวงตาของเรานั้นบอดมืดสนิท โดยสัญญานของโรคจะเกิดขึ้นตั้งแต่เริ่มมองอะไรพล่ามัว หรือการเห็นภาพเบลอ ไม่คมชัด การแยกเฉดสีจะยากขึ้น เห็นเป็นจุดสีเข้มตรงกลาง แล้วจุดดำๆ นั้นจะเข้มขึ้นจนมองไม่เห็นในที่สุด

โรคจอประสาทตาเสอม

ภาพซ้ายมือคือภาพการมองเห็นจากสายตาปรกติ ขวามือภาพที่มองเห็นจากอาการ AMD (© Photo : hbreyecare.com)

สาเหตุของโรค AMD มีดังต่อไปนี้

• พันธุกรรม  ปัจจัยหลักของโรคเกิดมาจากพันธุกรรม

• อายุ ส่วนมากแล้วมักจะเกิดตอนอายุ 50 ปีขึ้นไป

• เพศ ผู้หญิงมีโอกาสเป็นโรคนี้มากกว่าผู้ชายถึง 2 เท่า

• น้ำหนักตัวที่มากเกินไป

• การสูบบุหรี่

• การที่สายตาต้องสู้กับแสงแดดเป็นเวลานานๆ

• การเป็นโรคอื่นๆ เช่น โรคหลอดเลือด โรคเบาหวาน รวมถึงการอยู่ในภาวะแวดล้อมที่เป็นพิษ

• การใช้สายตามากเกินไป 

โรคจอประสาทตาเสื่อมที่ถ่ายทอดทางพันธุกรรมนั้นเราไม่สามารถที่จะแก้ไขอะไรได้ แต่สำหรับเรื่องของการใช้สายตาที่มากเกินไปนั้นเราสามารถควบคุมมันได้ ฉะนั้นในการใช้ชีวิตประจำวันในปัจจุบันหากเราหันมาดูแลและถนอมสายตาของเรามากขึ้นก็จะทำให้ลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคนี้ได้นั่นเอง

วิธีถนอมดวงตา

1. การใส่แว่นตาตัดแสงสีน้ำเงิน (Blue light) แว่นตาชนิดนี้อาจจะมองดูเหมือนแว่นตาปกติ แต่ในความเป็นจริงแล้วเมื่อได้ใส่แว่นนี้เราจะมองเห็นภาพที่เหลืองกว่าปกติเนื่องจากแสงสีน้ำเงินโดยตัดไป และสำหรับใครที่จำเป็นต้องจ้องหน้าคอมพิวเตอร์นานๆ หรือจ้องสมาร์ทโฟนนานๆ ก็ควรที่จะใส่แว่นที่เพิ่มการป้องกันจากรังสี UV เพิ่มด้วย 

2. หากมีความจำเป็นที่จะต้องใช้สมาร์ทโฟนหรือคอมพิวเตอร์ในที่ที่มีแสงน้อยหรือตอนกลางคืน ก็ควรที่เปิดไฟให้มีแสงเพียงพอต่อการใช้งานในแต่ละครั้ง ไม่ควรที่จะนอนเล่นสมาร์ทโฟนใต้ผ้าห่มก่อนนอนเป็นอันขาดเนื่องจากในที่ที่มีแสงสว่างเพียงพอรูม่านตาก็จะเปิดรับแสงเพียงเล็กน้อย แต่หากสำหรับในที่ที่ไม่มีแสงแต่กลับมีแสงอยู่เพียงจุดเดียวหรือเป็นแสงจากสมาร์ทโฟนและคอมพิวเตอร์นั้นก็จะทำให้รูม่านตาขยายใหญ่ขึ้นและรับแสงได้มากกว่าปกติ ซึ่งแสงนั้นเองจะไปทำร้ายด้วยตาของเรา

3. การรับประทานอาหารหรือวิตามินบำรุง ซึ่งวิตามินที่บำรุงสายตาก็คือวิตามินเอ ซึ่งวิตามินที่บำรุงสายตาก็จะมี เบต้าแคโรทีน  อัลฟาแคโรทีน ลูทีน ซีแซนทีและในกลุ่มของวิตามินเอก็จะมีในผักผลไม้ต่างๆ เช่น ฝักทอง แครอท อยู่ในผักใบเขียวมากๆ เป็นต้น

ดวงตาของเรานั้นมีอยู่เพียงคู่เดียวในชีวิต และเป็นสิ่งที่เราจะต้องดูแลเองให้ดี หากไม่อยากให้จอประสาทตาเสื่อมก็ควรที่จะเริ่มหันมาดูแลดวงตาของเราด้วยวิธีที่กล่าวไปข้างต้นเพียงเท่านี้คุณจะมีดวงตาที่สามารถมองเห็นได้อย่างปกติไปตลอดชีวิตของคุณเลย

ขอบคุณข้อมูลจาก  หมอแอมป์ รายการ สุขใจใกล้หมอ