ธรรมเนียมการไว้ทุกข์ แต่งกายไว้ทุกข์อย่างไรให้เหมาะสม

ธรรมเนยมการไวทกข การแตงกายเขาเฝาฯกราบถวายบงคมพระบรมศพ

ธรรมเนียมการไว้ทุกข์ แต่งกายไว้ทุกข์อย่างไรให้เหมาะสม

ในอดีตวัฒนธรรมประเพณีไทย ธรรมเนียมการไว้ทุกข์ หรือเรื่องการไว้ทุกข์ของไทยเรานั้นมีข้อพิจารณาอยู่หลายอย่าง ด้วยข้อกำหนดฐานะความสัมพันธ์ของเรากับผู้ที่ล่วงลับไป อาทิเช่น อายุที่มากกว่าหรือน้อยกว่าผู้ที่ล่วงลับไป เป็นญาติหรือไม่ใช่ญาติ เป็นครูหรือลูกศิษย์ เป็นต้น โดยสิ่งเหล่านี้จะเป็นตัวกำหนดว่าควรจะแต่งตัวอย่างไรให้เหมาะสมกับความสัมพันธ์ของผู้ที่ล่วงลับไปนั่นเอง 

การแต่งกายไว้ทุกข์ตามธรรมเนียมเดิมที่มีมาช้านาน เนื่องด้วยพระมหากษัตริย์สวรรคต ก็จะมีระเบียบที่แน่นอน เช่นหากผู้เสียชีวิตมีศักดิ์น้อยกว่า เราก็จะแต่งกายไว้ทุกข์ด้วยสีดำ ในทางกลับกัน หากผู้ที่เสียชีวิตมีศักดิ์ที่ใหญ่กว่า ผู้น้อยก็จะแต่งกายไว้ทุกข์ให้ด้วยสีขาว จนกระทั่งในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 วัฒนธรรมตะวันตกก็เริ่มเข้ามามีบทบาทมาจนถึงในปัจจุบัน วัฒนธรรมไทยของเราก็ได้มีการพัฒนาไปตามยุคตามสมัย ทำให้วัฒนธรรมไทยของเราเริ่มกลายเป็นสากลมากขึ้น จึงได้มีการทำความเข้าใจให้ตรงกันในเรื่องการไว้ทุกข์ว่า ในการไว้ทุกข์นั้นควรจะแต่งกายด้วยเสื้อผ้าสีดำเป็นหลัก ซึ่งก็มีสีอื่นที่เข้าร่วมการไว้ทุกข์เพื่อแสดงถึงความเคารพ ความอาลัย อย่างเช่น สีขาว สีเทา หรือกรมท่า เป็นต้น

ควรแต่งกายอย่างไรเพื่อเป็นการไว้อาลัยถวายแก่ในหลวง รัชกาลที่ 5 อย่างเหมาะสม? 

หากผู้ใดมีความประสงค์ไว้ทุกข์ถวายในหลวง ในเรื่องของการแต่งกายควรจะแต่งกายในชุดสีดำล้วน ไม่มีลวดลายใดๆ ทั้งสิ้น เนื่องจากตัวอักษรหรือถ้อยคำต่างๆ ในสมัยโบราณนั้นไม่เคยถูกใช้มาก่อน ดังนั้นเราก็ควรที่จะปฏิบัติตามประเพณีของไทยเราต่อไป หรือบุคคลธรรมดาทั่วไปที่มีความจำเป็นต้องสวมใส่เครื่องแบบในการทำงานก็สามารถนำปลอกแขนทุกข์สีดำมาพันธ์บริเวณต้นแขนก็ได้ แล้วแต่จำตกลงกันไว้อย่างไร แต่อย่างไรก็ตามเราควรยึดหลักพอพียงตามพระราชดำรัสและพระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ไม่ควรสิ้นเปลืองหรือใช้เงินอย่างสุรุ่ยสุร่ายในการซื้อชุดดำแพงๆ มาใส่ไว้ทุกข์ สำหรับผู้ที่ไม่มีชุดสีดำ มาใส่ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนทุกวันอาจจะใส่ชุดสุภาพ สีไม่ฉูดฉาดแล้วติดริบบิ้นไว้อาลัยสีดำ 

สำหรับเครื่องแบบทางราชการนั้นเป็นเครื่องแบบที่สุขภาพอยู่แล้วจึงไม่จำเป็นต้องหาเครื่องหมายใดๆ มาประดับ เช่น เครื่องแบบนักเรียน เครื่องแบบตำรวจ เครื่องแบบครูสีกากี หรือเครื่องแบบข้าราชการทั่วไป เป็นต้น แต่สำหรับกรณีของผู้ที่มียศศักดิ์สูงๆ หรือชุดเครื่องแบบทางราชการที่ถูกออกแบบมาให้ติดปลอกแขนทุกข์ก็ควรที่จะปฏิบัติตาม

ไม่ควรติดตราสัญลักษณ์บนเสื้อดำไว้อาลัย

ไม่ควรนำตราสัญลักษณ์แห่งการเฉลิมฉลองทั้งหลาย หรือตราสัญลักษณ์ที่เป็นเครื่องหมายถวายพระพรชัยมงคลในวาระสำคัญต่างๆ ไปประดับบนเครื่องแต่งกาย ซึ่งในเวลาปกติหากมีความจำเป็นจะต้องติด หรือนำตราสัญลักษณ์เหล่านี้ไปใช้ ก็จะต้องไปขออนุญาตสำนักราชเลขาธิการเสียก่อนจึงจะสามารถนำมาประดับได้ แต่ในขณะนี้เราอยู่ในช่วงไว้อาลัยถวายแก่ในหลวงจึงเป็นการไม่เหมาะสมเป็นอย่างยิ่ง แล้วยิ่งเป็นสัญลักษณ์ที่พ้นสมัยไปแล้ว อย่างเช่น ตราสัญลักษณ์เฉลิมฉลองการครองราชย์ครบ 70 ปี ก็ไม่ควรถูกนำมาใช้ในการประดับเครื่องแต่งกาย ด้วยเหตุนี้ทางกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จึงขออนุญาติให้งดใช้ตราสัญลักษณ์แห่งการเฉลิมฉลองทั้งหลาย

การแต่งกายเข้าเฝ้าฯกราบถวายบังคมพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช

ตามที่ทางสำนักพระราชวังมีประกาศเรื่องที่มี พระราชทานพระราชานุญาตให้ประชาชนเข้าเฝ้าฯ กราบถวายบังคมพระบรมศพ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท เริ่มตั้งแต่วันที่ 29 ตุลาคม 2559 ตั้งแต่เวลา 08.00 ถึง 21.00 น. ทุกวัน ยกเว้นช่วงที่มีพระราชพิธีบนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ประชาชนที่เดินไปร่วมงานพระราชพิธีพระบรมศพ เพื่อกราบถวายบังคมพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาทนั้น เปรียบเสมือนกับการเข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชโดยตรง ซึ่งจะแตกต่างจากการเข้าถวายสักการะเบื้องหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ อีกทั้งพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาทยังเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ที่เคยประดิษฐานพระบรมศพระเจ้าแผ่นดินมาแล้วถึง 8 รัชกาล ดังนั้นจึงควรแต่งกายดังนี้

สุภาพบุรุษ : สวมใส่เสื้อมีปกสีดำ กางเกงขายาวสีดำ สวมรองเท้าหุ้มส้นสีดำ งดสวมกางเกงยีนส์

สุภาพสตรี : สวมชุดสุภาพสีดำ มีแขน ไม่รัดรูป ไม่ควรนุ่งกางเกง แต่ควรสวมใส่กระโปรงยาวคุมเข่า หรือผ้าถุง สวมรองเท้าหุ้มส้นสีดำ งดสวมกระโปรงยีนส์ 

ท่านใดที่ที่จะเดินทางไปร่วมงานพระราชพิธีพระบรมศพ เข้าถวายสักการะเบื้องหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ กราบถวายบังคมพระบรมศพ นอกจากเตรียมตัวเรื่องการแต่งกายแล้ว ก็ควรที่จะหาข้อมูลและทำความเข้าใจระเบียบการว่าต้องทำอย่างไรบ้าง รวมถึงวิธีการเดินทางไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ