ชนิดของช็อกโกแลต แต่ละชนิดต่างกันอย่างไร?
ช็อกโกแลตเป็นของโปรดของใครหลายคน และช็อกโกแลตยังถูกนำไปใส่ในอาหารนานาชนิด ไม่ว่าจะเป็นขนมเค้ก คุ๊กกี้ ลูกอม เครื่องดื่ม ช็อกโกแลตนั้นมีประโยชน์มากมาย เวลาทานช็อกโกแลตแล้วจะทำให้เราอารมณ์ดีขึ้น เรื่องนี้จริงหรือไม่ ช็อกโกแลตแต่ละชนิด แตกต่างกันอย่างไร เลือกทานแบบไหนถึงจะดีต่อสุขภาพมากที่สุด
ก่อนที่จะเล่าถึงความแตกต่างของ ดาร์คช็อกโกแลต ช็อกโกแลตนม และไวท์ช็อกโกแล็ต หรือช็อกโกแลตขาว เรามาดูส่วนผสมต่างๆ ในช็อกโกแลตกันก่อน โดยส่วนผสมหลักๆ ก็ได้แก่
1. ผงโกโก้ หรือ Cocoa mass
มีกลิ่นหอมและรสชาติที่ขมนิดๆ ในโกโก้แมสจะมีสารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายมากมาย อาทิเช่น สารโพลี่ฟีนอล (Polyphenol) ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยลดการเสื่อมของเซลล์ ช่วยป้องกันการเกิดโรคมะเร็ง โกโก้มีสารอัลคาลอยด์ที่มีชื่อเรียกว่า ทีโอโบรมีน (Thebromine) ซึ่งมีโครงสร้างคล้ายกับสารคาเฟอีนที่พบในกาแฟ สารทีโอโบรมีน จะช่วยขยายหลอดเลือด กระตุ้นหัวใจให้ทำงานดีขึ้น และช่วยลดความดันโลหิต นอกจากนี้แล้วในเมล็ดโกโก้ยังมีสารที่ทำให้กล้ามเนื้อเรียบในส่วนต่างๆของร่างกายคลายตัว ทำให้รู้สึกผ่อนคลาย ช่วยกระตุ้นประสาท ช่วยบรรเทาภาวะซึมเศร้าหรืออาการเครียด คล้ายกับการออกฤท์ของสารทีโอฟิลลีน (Theophylline) ที่ใช้แก้อาการหอบหืด ถ้ากินเข้าไปมากๆ จะทำให้เกิดการเสพติดได้
2. เนยโกโก้ หรือ Cocoa butter
เป็นไขมันที่สะกัดมาจากเมล็ดโกโก้ ไม่มีกลิ่น เป็นตัวที่ทำให้ช็อกโกแลตมีรสชาตินุ่มนวล หลอมละลายในปาก ในเนยโกโกยังมีสารทีโอโบรมีนซึ่งมีสรรพคุณเหมือนกับที่พบในโกโก้แมส
3. เลซิติน (Lecithin)
ทำหน้าที่เป็น อิมัลซิไฟเออร์ (emulsifier) ที่เติมลงไปเพื่อลดความหนืด ทำให้ช็อกโกแลตกระจายตัวได้ง่ายขึ้นและทำให้ส่วนผสมต่างๆเข้ากันได้ดี โดยเฉพาะโกโก้บัตเตอร์ที่เวลาผ่านขบวนการ tempering process ในอุณหภูมิสูงๆนั้น จะมีความยุ่งยากมากเพราะต้องควบคุมอุณหภูมิให้ดี ไม่เช่นนั้นส่วนผสมต่างๆอาจเกิดการแยกตัวออกมาภายหลังได้
ยกอย่างเช่น น้ำตาลหรือว่าไขมันที่มีละลายออกมาข้างนอกจนเกิดผงสีขาวๆ เหมือนมีราขึ้นที่ช็อกโกแลต ที่เรียกกันว่า การบลูม (bloom) โดยการบลูมในช็อกโกแลตอาจเกิดขึ้นจากความผิดพลาดในการควบคุมอุณหภูมิในขณะผลิต หรือเกิดจากการเก็บรักษาช็อกโกแลตที่ไม่ถูกวิธี
4. น้ำตาล (Sugar) ซึ่งจะเติมแต่งให้รสชาติของช็อกโกแลตนั้นหวานมากยิ่งขึ้น
5. ผงนม (Powdered milk) ที่จะใช้เติมใน ช็อกโกแลตนม และช็อกโกแลตขาว
นอกจากนี้ก็ยังมีการเติมกลิ่นต่างๆ ลงไป เช่น กลิ่นวนิลา เป็นต้น โดยส่วนผสมต่างๆ นี่เองที่จะทำให้ ช็อกโกแลตแต่ละชนิด นั้นมีความแตกต่างกัน
ดาร์คช็อกโกแลต (Dark Chocholate)
เป็นชนิดของช็อกโกแลตที่ประกอบไปด้วย โกโก้แมส หรือผงโกโก้มากถึง 67.5% โกโก้บัตเตอร์ 7% น้ำตาล 25% เลซิติน 0.49% กลิ่นหรือรสต่างๆ 0.01%
ช็อกโกแลตนม (Milk Chocolate)
ประกอบไปด้วย โกโก้แมสหรือผงโกโก้เพียงแค่ 10% ผงนม 20% โกโก้บัตเตอร์ 24.5% น้ำตาล 45% เลซิติน 0.49% กลิ่นหรือรสต่างๆ 0.01%
ไวท์ช็อกโกแล็ต (White Chocholate)
หรือช็อกโกแลตขาว มีโกโก้บัตเตอร์ 29.5% ผงนม 25% น้ำตาล 45% เลซิติน 0.49% กลิ่นหรือรสต่างๆ 0.01%
พอเห็นส่วนผสมต่างๆ ในช็อกโกแล็ต ก็คงพอจะทราบว่าชนิดของช็อกโกแลตทั้ง 3 นั้น มีความแตกต่างกัน จะเห็นได้ว่าไวท์ช็อคโกแล็ต หรือช็อกโกแลตขาวนั้นไม่มีโกโก้แมสหรือผงโกโก้อยู่เลย ซึ่งผลิตขึ้นมาสำหรับคนที่ทานโกโก้แมสไม่ได้ เวลาเลือกซื้อช็อกโกแลต แล้วอยากทราบว่าเป็นช็อกโกแลตแท้หรือไม่ ก็ให้พลิกดูส่วนที่ระบุไว้บนฉลากนะคะ
การรับประทานช็อกโกแลตในปริมาณที่เหมาะ จะช่วยทำให้สุขภาพของเราดีขึ้น นอกจากนี้แล้วสารต่างๆ ที่อยู่ในเมล็ดโกโก้นั้น ทำให้ช็อกโกแลตเป็นขนมหวานที่มีความลึกลับ แถมเจ้าสารโพลี่ฟีนอลบางชนิดในช็อกโกแลต ยังสามารถออกฤทธิ์ ทำให้คนกินหัวใจกระชุ่มกระชวย รู้สึกผ่อนคลาย จนมีคนเอามันไปโยงเข้ากับเรื่องของความรัก
->พิพิธภัณฑ์ช็อกโกแลต ช็อกโก-สตอรี่