ภาวะอาหารเป็นพิษ สาเหตุเกิดจากอะไร?
หลายคนอาจจะเกิดอาการท้องเสียหลังจากรับประทานอาหารต่างๆ หรือที่เรียกว่าอาหารเป็นพิษ (Food poisoning) ซึ่งหลายคนอาจจะเกิดคำถามที่ว่าสาเหตุเกิดจากอะไร และมีวิธีรักษาอย่างไร?
อาหารเป็นพิษเกิดจากอะไร
อาหารเป็นพิษเกิดจากการทานอาหาร หรือดื่มเครื่องดื่มที่มีการปนเปื้อนของเชื้อโรค สารเคมี หรือว่าพืชที่มีพิษ โดยสาเหตุของการเกิดอาหารเป็นพิษก็ได้แก่ เชื้อแบคทีเรีย เชื้อไวรัส เชื้อราและเชื้อปรสิต เชื้อโรคส่วนใหญ่ที่มักทำให้ท้องเสีย หรืออาหารเป็นพิษก็คือ เชื้อแบคทีเรีย โดยแบคทีเรียที่เราสามารถพบบ่อยมากที่สุดก็คือ อีโคไล(Ecoli) ซัลโมเนลลา (Salomaonella) สแตปฟิโลคอคัส (Staphylococus) และเชื้อโรคบางชนิดที่มีพิษร้ายแรงอย่างเช่น ลิสเทริโอซิส (Listeriosis) ที่อาจทำให้หญิงมีครรภ์เกิดอาการแท้งลูกได้
ภาวะท้องเสียจากอาหารเป็นพิษนั้น จะสามารถเกิดขึ้นได้กับอาหารที่ปรุงไม่สุก ไม่ว่าจะเป็นเนื้อสัตว์ อาหารทะเล หรืออาจจะเป็นเพราะว่าเราทิ้งอาหารสดไว้ในที่ๆ มีอุณหภูมิสูงๆ นานจนเกินไป จนทำให้เชื้อแบคทีเรียเจริญเติบโตเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในบ้านเราซึ่งเป็นเมืองร้อน มีอุณหภูมิที่เหมาะสมต่อการแบ่งตัวของเชื้อจุลินทรีย์ หรือแม้แต่กระทั่งการละลายอาหารที่ไม่ถูกวิธี ก็สามารถทำให้เกิดอาหารเป็นพิษได้เช่นกัน หรืออาจจะเกิดจากการใช้มือที่ไม่สะอาดมาประกอบอาหาร รวมไปถึงการปนเปื้อนของสปอร์ในอาหารกระป๋องก็ทำให้เกิดภาวะอาหารเป็นพิษได้เช่นกัน
อาการของผู้ป่วยอาหารเป็นพิษ
เมื่อเรารับประทานอาหารที่มีการปนเปื้อนของเชื้อโรค โดยทั่วไปแล้วอาการที่เกิดจากอาหารเป็นพิษมักจะไม่ค่อยรุนแรง สามารถหายได้ภายในสองถึงสามวัน สิ่งที่มักจะเกิดขึ้นก็คือจะมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน และท้องเสีย ซึ่งเกิดจากการที่เชื้อโรคไปก่อตัวในลำไส้ แล้วสร้างพิษขึ้นเพื่อมาทำลายเยื่อบุของผิวลำไส้เล็กเท่านั้น แต่ว่าพิษของเชื้อโรคนั้นจะไม่เข้าไปสู่ร่างกาย โดยผู้ป่วยมักจะมีอาการปวดท้องแบบบิดๆ และท้องเสีย เนื่องจากเชื้อโรคเหล่านี้ไปขัดขวางทำให้ร่างกายของเราไม่สามารถดูดซึมสารอาหารและน้ำ
หรือบางครั้งพิษของมันอาจจะทำให้มีในลำไส้เล็กมีน้ำมากเกินไป ทำให้ร่างกายของเราต้องพยายามขับมันออกมาจากระบบย่อยอาหารอย่างรวดเร็ว หรือบางครั้งจะมีไข้ต่ำๆ หรือมีการอาเจียนร่วมด้วย โดยลักษณะอาการของโรคจะขึ้นอยู่กับชนิดของเชื้อโรคที่ร่างกายได้รับเข้าไป
หลังจากที่่เรารับประทานอาหารที่มีการปนเปื้อนของเชื้อโรคเข้าไปแล้ว จะปรากฎอาการอาหารเป็นพิษช้าหรือเร็วนั้นขึ้นอยู่กับชนิดและปริมาณของเชื้อโรค ซึ่งเชื้อโรคเหล่านี้ก็มีระยะการฟักกตัวในระยะต่างๆ เช่น การฟักตัวในระยะสั้นภายในไม่กี่ชั่วโมงหลังจากได้รับพิษ ไปจนถึงประเภทที่มีระยะฟักตัวนานกว่าสัปดาห์หรือบางครั้งอาจจะนานถึงหนึ่งเดือนเลยทีเดียว แต่โดยทั่วไปแล้วอาการมักจะเกิดขึ้นภายในเวลา 2-6 ชั่วโมง หรือไม่ก็ 2-3 วัน
อย่างไรก็ตามโรคของอาหารเป็นพิษนั้นจะไม่ค่อยรุนแรงเท่าไหร่นักและก็สามารถที่จะหายได้เองภายในเวลา 2-3 วัน ขึ้นอยู่กับชนิดและปริมาณของเชื้อแบคทีเรีย นอกเสียจากว่าผู้ป่วยจะมีความต้านทานต่ำ ยกตัวอย่างเช่นในกลุ่มผู้ป่วยโรคเอดส์ หรือในกลุ่มของเด็กเล็กและผู้สูงวัย ซึ่งเป็นกลุ่มคนที่มีความต้านทานค่อนข้างต่ำ
วิธีปฏิบัติตัว และการรักษาเมื่อเกิดภาวะอาหารเป็นพิษ
– เมื่อเกิดอาการอาหารเป็นพิษแล้วไม่ควรที่จะกินยาหยุดถ่ายท้อง
การกินยาหยุดถ่ายท้องจะทำให้เกิดปฏิกริยาต่อต้านการถ่ายท้อง ซึ่งโดยปรกติแล้วร่างกายคนเราจะต่อต้านเชื้อโรคที่เข้าสู่ร่างกาย โดยพยายามที่จะกำจัดเชื้อโรคเหล่านั้นออกไป การถ่ายท้องจะช่วยขับเชื้อโรคและสารพิษออกจากร่างกาย
– จิบน้ำสะอาดหรือน้ำเกลือแร่บ่อยๆ
สิ่งที่ควรทำก็คือควรที่จะดื่มน้ำเปล่าหรือเกลือแร่เยอะๆ เพื่อป้องกันภาวะขาดน้ำ (Dehydration) และเป็นการทดแทนที่ร่างกายของเราสูญเสียน้ำไป
– ขณะที่มีอาการคลื่นไส้ปวดท้อง ควรงดรับประทานอาหารเพราะอาจทำให้อาการรุนแรงขึ้นได้ เมื่ออาการทุเลาลงแล้วก็ควรรับประทานอาหารอ่อนๆ รสจืดๆ ไปก่อน อย่างเช่นช้าวต้ม หรือน้ำซุป
– หากมีอาการถ่ายแล้วมีมูกเลือดก็ควรที่จะไปพบแพทย์ ภายใน 24 ชั่วโมง
– ในกรณีที่ทานอาหารมีพิษ เช่น เห็ด หรือพืชบางชนิดก็ควรรีบไปพบแพทย์ให้เร็วที่สุด
ดังนั้นเราควรที่ทานอาหารที่ปรุงสุก ไม่ควรทานน้ำจิ้ม หรือน้ำสลัดที่ปรุงไว้ค้างคืน เนื้อสัตว์ต่างๆ ก็ควรใส่ในภาชนะที่ปิดมิดชิด รักษาความสะอาดเครื่องใช้ในครัว รวมถึงเครื่องปรุงอาหารต่าง หรือยึดหลัก กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือให้สะอาดโดยเฉพาะหลังจากเข้าห้องน้ำและก่อนรับประทานอาหาร เพื่อความปลอดภัยต่อสุขภาพของเรานะคะ