ฮาลองบก Tam Coc และ Hoa Lu แบบวันเดย์ทริป

ฮาลองบก Tam Coc และ Hoa Lu แบบวันเดย์ทริป

ฮาลองบก Tam Coc และ Hoa Lu แบบวันเดย์ทริป

สวัสดีค่ะ เรายังคงอยู่กันที่เวียดนามนะคะ วันนี้จะพาไปทัวร์ ฮาลองบก Tam Coc ซึ่งเป็นทัวร์แบบไปเช้าเย็นกลับ หรือที่เรียกกันว่าวันเดย์ทริป

ค่าทัวร์คนละ 17 USD รวมรถรับ-ส่งที่โรงแรม ไกด์นำเที่ยว จักรยาน อาหารกลางวัน แต่ไม่รวมเครื่องดื่มนะคะ ต้องจ่ายแยกต่างหาก ครั้งนี้แอดมินไม่ได้ซื้อทัวร์กับโรงแรมเพราะเห็นว่าขายอยู่ที่ราคา 25 USD แต่ซื้อทัวร์มาจากร้านขายทัวร์ในย่านเมืองเก่าโดยซื้อตอนค่ำๆแล้วก็เดินทางในตอนเช้าได้เลย วันรุ่งขึ้นประมาณ 8 โมงเช้ารถก็มารับที่หน้าโรงแรม เนื่องจากโรงแรม Conifer ที่เรามาพักนั้นอยู่ทางทิศใต้ของฮานอย เราเลยเป็นกรุ๊ปสุดท้ายที่รถตู้แวะมารับ ที่นั่งดีๆเลยมีคนนั่งไปหมดแล้ว เหลือแต่ที่นั่งข้างหน้า ข้างๆคนขับถ้าใครขายาวๆก็จะเมื่อยนิดนึง ไกด์นับจำนวณลูกทัวร์ครบแล้ว เราออกเดินทางกันเลย

ฮาลองบก Tam Coc เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ตั้งอยู่ในเมือง Ninh Binh ทางตอนใต้ของฮานอย ใช้เวลาในเดินทางประมาณ 3 ขั่วโมง โดยรถตู้จะจอดแวะร้านขายของที่ระลึกระหว่างทางให้เราได้แวะเข้าห้องน้ำ ดื่มกาแฟ หรือช็อปปิ้งกัน แต่ของระลึกที่นี่ค่อนข้างแพงนะคะเมื่อเทียบที่ฮานอย แอดมินเลยได้แต่ถ่ายรูปมาฝาก ในสมัยหลายพันปีก่อน Ninh Binh เคยเป็นเมืองหลวงของเวียดนาม ดังนั้นทัวร์ก็จะพาเราไปเที่ยววัดโบราณ 2 แห่งที่อยู่ติดๆกัน

Hoa Lu หรือ ฮวาลือ ห่างจากกรุงฮานอยไปทางตอนใต้ประมาณ 90 กิโลเมตร เป็นเมืองหลวงของเวียดนาม ในช่วงศตวรรษที่ 10 – 11 เมื่อปี ค.ศ. 968 ขุนนางที่ชื่อมีว่า ดิงห์โบลิงห์ (Dinh Bo Linh) ได้รวบรวมเมืองที่แตกแยกให้เป็นอนหนึ่งอันเดียวกัน และทำการปราบดาภิเษกตนเองขึ้นเป็นจักรพรรดิ องค์แรกของราชวงศ์ดิงห์ โดยมีพระนามว่า จักรพรรดิดิงห์เตียวฮว่าง (Dinh Tien Hoang) คำว่า Hoang ในภาษาเวียดนามแปลว่าจักรพรรดิ และสถาปณาเมือง Hoa Lu ให้เมืองหลวงแห่งแรกของอาณาจักรเวียต วัดโบราณของจักรพรรดิ ดิงห์เตียวฮว่าง ที่สร้างตามหลักฮวงจุ้ยคือด้านหลังจะเป็นภูเขาที่มีชื่อว่า Mã Yên ส่วนด้านหน้าจะมีแม่น้ำไหลผ่าน

ภาพข้างล่างเป็นประตูวัดของจักรพรรดิ Dinh Tien Hoang จะเห็นว่าประตูจะมีทั้งหมด 3 ช่อง จักรพรรดิจะเดินออกมาจากช่องตรงกลาง

ประตูวัดของจักรพรรดิ Dinh Tien Hoang

วิหารของจกรพรรดเลไดฮานห Le Dai Hanh ผู้ก่อตั้งราชวงศ์เตียนเล

ส่วนภาพข้างบนคือ วิหารของจักรพรรดิเลไดฮานห์ (Le Dai Hanh) ผู้ก่อตั้งราชวงศ์เตียนเล (Tien Le Dynasty) หลังจากที่จักรพรรดิ ดิงห์เตียวฮว่างถูกลอบปลงพระชนม์ ด้วยความสนับสนุนของราชินีผู้เป็นพระมารดา พระองค์ก็ขับไล่องค์รัชทายาทอายุ 6 ขวบออกจากราชวังและสถาปนาพระองค์เองขึ้นเป็นจักรพรรดิองค์ต่อมาที่ปกครองเมืองฮวาลือ ที่ข้างในห้องกลางจะมีรูปปั้นของจักรพรรดิเลไดฮานห์ สวมมงกุฏจักรพรรดิ

ส่วนทางซ้ายมือจะเป็นรูปปั้นของพระเหสี Duong Van Nga ที่อภิเษกสมรสถึงสองครั้ง ครั้งแรกกับจักรพรรดิ ดิงห์เตียวฮว่าง และต่อมาพระนางก็อภิเษกสมรสกับจักรพรรดิเลไดฮานห์ ด้านหน้าของวิหารจะมีคนนำสิ่งของมาสักการะบูชา หลังจากเดินชมจนทั่วแล้วก็เดินออกมาที่ข้างนอกกัน จะเห็นว่ามีศาลาหลังหนึ่งตั้งอยู่ไกลๆ

ศาลาที่มีแผ่นหินที่จารึกเรื่องราวของ พระเจ้าหลีไทโต Ly Thai To ผู้ย้ายเมืองหลวงไปฮานอย

พอเดินเข้าไปดูใกล้ๆ ข้างในก็จะมีแผ่นหินที่จารึกเรื่องราวของ พระเจ้าหลีไทโต (Ly Thai To) ซึ่งเป็นจักรพรรดิองค์แรกของราชวงค์หลี และองค์สุดท้ายของที่ปกครองเมือง Hoa Lu หลังจากนั้นพระองค์ได้ย้ายเมืองหลวงไปอยู่ที่เมืองทังลอง (Thang Long) แปลว่ามังกรเหิน ที่ตอนหลังเปลี่ยนชื่อมาเป็นกรุงฮานอยนั่นเอง

ควายถือว่าเป็นสัญลักษณ์ของเมือง Hoa Lu

ควายถือว่าเป็นสัญลักษณ์ของเมือง Hoa Lu ถ้าไปถึงที่นี่แล้วเจอควายที่ถูกจับมาแต่งตัวตัวแล้วมีคนแก่ๆถือข้าวฟ่างยืนอยู่ข้างๆก็ไม่ต้องแปลกใจ เพราะว่าควายเป็นสัญลักษณ์ของเมืองนี้ และจักรพรรดิ Dinh Tien Hoang ก็เคยชนะวิ่งแข่งควายด้วย นักท่องเที่ยวสามารถขอขี่ควายถ่ายรูปได้ฟรี แต่ตามธรรมเนียมแล้วก็ควรจะให้ทริปกับคุณตา คุณยายอย่างน้อย 1 ดอลล่าห์ ถึงแม้ว่า Hoa Lu จะเป็นเมืองหลวงเก่าที่มีอะไรหลงเหลือไว้ให้ชมค่อนข้างน้อย แต่สิ่งที่น่าสนใจคือนาข้าวที่เขียวขจีสวยงาม เพราะที่นี่ เป็นเมืองเกษตกรรม คนที่นนี่อาชีพชาวนามานานเป็นพันๆปี จักรพรรดิ Dinh Tien Hoang ก็เคยป็นชาวนามาก่อน

แล้วเราก็มาถึงท่าเรือ ซึ่งแป็นเวลาอาหารกลางวันพอดี แล้วเราก็เห็นว่าไกด์แยกลูกทัวร์ออกเป็น 2 กรุ๊ปตามตั๋วที่จ่ายมา คือกรุ๊ปที่จ่ายแพงกว่าจะขึ้นไปทานอาหารชั้นบนซึ่งเป็นอาหารแบบบุฟเฟ่ต์ ส่วนเรากับเพื่อนอีกจำนวนหนึ่งทานกันข้างล่างซึ่งทางร้านอาหารจัดมาเสิร์ฟเป็นชุดๆ ตอนที่เราซื้อทัวร์คนขายก็ไม่ยอมบอกไม่งั้นจะได้ซื้อแบบบุฟเฟ่ต์ อาหารก็เป็นแบบพื้นนะคะ ปอเปี๊ยะทอด แกงจืด ผัดผักรวมมิตร ผัดมาม่า เนื้อผัด  ข้าวสวย ถั่วลิสงคั่ว คล้ายกับข้าวในร้านข้าวต้มบ้านเราประมาณนี้ค่ะ กินหรูมาหลายมื้อแล้วทานอาหารแบบตอนเข้าค่ายซักวันจะเป็นไรไป

ท่าเรือที่ฮาลองบก Tam Coc ซ้ายมือจะเป็นโรงแรม

ท่าเรือที่ฮาลองบก Tam Coc

ทานอาหารเสร็จก็เตรียมตัวไปปั่นจักรยานกัน ก็จะมีพนักงานเอาจักรยานมาให้เลือก ไกด์ก็จะอธิบายว่าไปทางไหน เราก็ลุยล่วงหน้ากันไปก่อนไกด์ซะอีก สถานที่ก็จะเป็นทุ่งนา มีหนองน้ำ มีชาวบ้านที่กำลังเลี้ยงเป็ด และก็ภูเขาหินปูน ซึ่งก็สวยแบบธรรมชาติ ตอนปั่นๆไกด์น่าจะตามไม่ทัน แต่จะมีคนที่เรามารู้ตอนหลังว่าเป็นช่างภาพอิสระที่ขี่มอเตแอร์ไซด์ตามมาถ่ายรูปพวกเรา แล้วก็เป็นคนบอกว่าต้องปั้นไปตรงไหนกันบ้าง แบบว่าทำหน้าที่แทนไกด์ไปในตัว

แล้วพวกเราก็มาหยุดถ่ายรูปที่วัดเก่าๆแห่งหนึ่งที่อยู่ลึกเข้าไปพอสมควร แล้วก็มีคนแก่ๆ ที่อยู่ดูแลวัดออกมาทักทายพวกเราเป็นภาษาฝรั่งเศส แอบทึ่งนิดๆ แต่ทักทายแป๊บเดียวก็รีบออกมาก่อนที่คุณตาจะปล่อยมุขเด็ดพยายามขายอะไรให้นักท่องเที่ยว แต่ก็เข้าใจว่าคนเวียดนามถูกปลูกฝังเรื่องการค้าขายมาตั้งแต่เด็ก ดังนั้นจึงไม่แปลกที่พวกเขาจะมีความพยายามในการขาย (ตื้อ) มากกว่าคนชาติอื่นๆ อันนี้ก็ไม่ว่ากัน ถ้าโดนตื้อมากๆ ก็ซื้อนิดหน่อยพอเป็นพิธีก็พอ แต่อย่าลืมต่อราคาด้วยนะค่ะ ไม่งั้นโดนฟันเละเลย อย่างรูปภาพพอเราไม่ซื้อเพราะเราก็มีกล้องของเราเอง พอจะกลับช่างภาพลดให้ เหลือแค่ 30% จากที่เคยเสนอขายครั้งแรก

ฮาลองบก Tam Coc วิวทิวทัศน์ขณะปั่นจักรยานด้วย

ปั่นจักยานเสร็จเราก็มาลงเรือแจวกัน โดยนั่งกันละสองคน การพายเรือจะใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง บรรยากาศดีมากเลยเป็นทุ่งนา ภูเขาหินปูน แล้วก็มีชาวบ้านพายเรือมหาหาปลาแถวๆนั้นด้วยนะคะ แล้วก็พายมาถ้ำแรกที่จะลอดเข้าไป มีความยาวประมาณ 50 เมตร

ข้างในถ้ำจะมืดๆแต่ในเรือก็จะเตรียมไฟฉายไว้ให้ แล้วก็ไปโผล่อีกที่หนึ่ง ภาพข้างล่างเป็นเพื่อนร่วมแก้งค์ที่ทานข้าวแล้วก็ไปปั่นจักรยานด้วยกัน และก็วิวทิวทัศน์ขณะนั่งบนเรือ วิวของจริงสวยกว่ารูปที่ถ่ายมาเยอะเลย น้ำแถวๆ นั้นก็จะลึกประมาณ 2 เมตร

สังเกตุคนพายเรือนะคะว่าจะใช้เท้าและขาในการพาย ส่วนคนพายเรือเราเป็นคุณป้าวัยกลางคน อุตส่าห์บอกเพื่อนให้เลือกเด็กผู้ชายวัยรุ่นจะได้ไม่โดนตื้นขายของ แต่คุณป้าก็ไม่ได้ตื้ออะไร และไม่มีการเอาของมาขายให้เสียบรรยากาศด้วย แต่มาโดนเอาตอนขากลับ (ประมาณว่าบนฝั่งมีเจ้าหน้าที่มาดูแลเรื่องการบังคับขายของให้กับนักท่องเที่ยวหรือไงนี่แหละ) คุณป้าบอกรีบบอกก่อนถึงฝั่ง ว่าต้องให้ทริปด้วยนะเท่านั้นเท่านี้ ให้น้อยก็ไม่ได้ ความจริงก็ตั้งใจจะให้ตั้งแต่ก่อนลงเรืออยู่แล้ว

รถมาส่งที่โรงแรมประมาณ 17.30 น. เรียบขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัวเพราะเพื่อนเวียดนามจะพาไปกินอาหารเวียดนามอร่อยๆ ที่ภัตาคาร Cha Ca La Vong

อย่าลืมติดตาม รีวิวโรงแรม Canifer การท่องเที่ยวฮานอย กินอะไรเที่ยวที่ไหน อาทิตย์หน้า maanow.com ขอคั่นด้วยการพาไปเที่ยวเมืองน่ารักอย่างบรูจจ์ ที่ประเทศเบลเยี่ยมกันก่อนนะคะ

->ล่องเรือ ฮาลองเบย์ กับ The Viet beauty cruises