คำสับสน หรือ คำกริยาที่คล้ายกันในภาษาฝรั่งเศส
เมื่อเปิดดูในดิชั่นนารีคำกริยาบางคำก็ดูคล้ายกัน แต่พอนำไปใช้จริงคนฝรั่งเศสก็ไม่เข้าใจที่เราพูดซะงั้น คำสับสน หรือ คำกิริยาที่ดูเหมือนจะคล้ายกัน แต่พอนำไปใช้ความหมายนั้นก็ต่างกันโดยสิ้นเชิง อย่างเช่น Savoir ที่แปลว่ารู้ หรือ Connaître ที่แปลว่ารู้จัก นั้นมีความหมายที่ต่างกันมากๆ วันนี้เรามาเรียนกันให้ทะลุปรุโปร่ง เอาให้คำกริยาเหล่านี้ดิ้นไม่ได้กันเลยดีกว่า เรามาเริ่มจาก Verbe ง่ายๆ กันก่อน
1. Entendre กับ Ecouter
คำสับสนคู่แรก Entendre แปลว่าได้ยิน ส่วน Ecouter นั้นแปลว่าฟัง มันคล้ายกันมากเลย เพราะเราที่ใช้หูในการฟังและได้ยินได้ยิน พอเรานำไปใช้เราก็จะไม่แน่ใจว่าเมื่อไหร่เราควรใช้ Entendre แล้วเมื่อไหร่ควรจะใช้ Ecouter
Ecouter ใช้สำหรับการฟังแบบตั้งใจ มีความสนใจที่จะฟัง เช่น การฟัง CD การฟังวิทยุ การฟังสิ่งที่คุณครูกำลังพูดเป็นต้น ประโยคตัวอย่าง
Tu ne m’écoutes jamais ! เธอไม่เคยฟังฉันเลย ซึ่งตีความได้ว่าเธอไม่เคยตั้งใจหรือใส่ฟังฉันในสิ่งที่ฉันพูด (สิ่งที่ฉันพูดเป็นแค่เสียงที่ลอยในอากาศที่อาจจะได้ยินแต่ไม่ได้รับฟัง)
J’écoute un CD de musique classique le soir avant de dormir. ฉันฟังซีดีเพลงคลาสสิคทุกคืนก่อนนอน (ซึ่งหมายถึงการตั้งใจฟัง ฟังแบบเข้าไปในใจ ไม่ใช่เพียงผ่านหู)
J’écoute la radio. (ฉันฟังวิทยุ) J’écoute le prof. (ฉันฟังอาจารย์) J’écoute ma mère. (ฉันฟังแม่พูด) ตัวอย่างเหล่านี้ล้วนเป็นการฟังแบบตั้งใจ
Entendre เป็นการได้ยินโดยไม่ได้ตั้งใจฟัง อยู่เฉยเสียงก็ผ่านหูมาให้ได้ยิน ตัวอย่างการใช้ เช่น
J’entends les bruits de la rue de la rue depuis ma fenêtre. ฉันได้ยินเสียงดังของถนนจากหน้าต่างของฉัน
J’entends la musique du voisin. ฉันได้ยินเสียงเพลงของเพื่อนบ้าน (ไม่ได้ตั้งใจฟังแต่เสียงเพลงมันดังเข้ามาในหูเอง)
Je ne t’entends pas quand tu partes, ma connexion Skype est mauvaise. ฉันไม่ได้ยินตอนเธอพูด สัญญานสไกป์ของฉันแย่มากเลย
พอแยกๆ กันอยู่ก็ดูเหมือนง่าย เราอาจจะใช้คำว่า J’entends mal. ฉันไม่ได้ยินเลย แต่ประโยคที่ไม่นำมาใช้อย่างเด็ดขาดเลยก็คือ J’écoute mal. ประโยคนี้ไม่ใช้กันนะคะ Désolée, je ne t’ai pas écouté. ประโยคนี้ใช้ได้ แปลว่า ขอโทษนะ ฉันไม่ได้ฟังที่เธอพูด
นอกจากนี้แล้วก็ยังมีสำนวน “Entendre dire” หมายถึงเสียงลือ เสียงซุบซิบ คนเขาพูดกัน ตัวอย่างประโยค J’ai entendu dire que ta sœur avait un nouveau fiancé. ฉันได้ยินว่าน้องสาวของเธอมีคู่หมั้นใหม่ ขอนอกเรื่องนิดหนึ่ง จะมีสำนวนที่คล้ายกันคือ “On m’a dit” (เขาบอกฉันว่า) ตัวอย่าง On m’a dit que ça coûterait 200 euros. เขาบอก เขาพูดกันว่า จะมีค่าใช้จ่าย €200 ประโยค On m’a dit จะค่อนข้างแน่นอน ส่วน Entendre dire นั้นไม่แน่นอน อาจจะเป็นแค่ข่าวลือ
2. Voir กับ Regarder
Voir แปลว่ามองเห็น ส่วน Regarder แปลว่ามองดู หลักการใช้ก็จะคล้ายๆ กับ Entendre และ Ecouter เรามาเริ่มจาก Regarder เป็นการใช้ตาเพื่อมองหา เพื่อเข้าใจในสิ่งนั้น อาจมีการเคลื่อนไหวสายตาหรือเคลื่อนไหวศีรษะตามสิ่งที่เห็นหรือสิ่งที่มองหา regarder จึงเป็นการดูแบบตั้งใจและสังเกตุเห็นรายละเอียด ภาพที่เห็นอาจจะมีความเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงเช่นโปรแกรมในทีวี ซึ่งตรงกับคำว่า look at หรือ to watch ในภาษาอังกฤษ
ส่วน Voir นั้นตรงกับคำว่า to see ในภาษาอังกฤษ ที่เราไม่ได้ตั้งใจที่มองหาแต่ภาพนั้นผ่านสายตาเข้ามาเลยทำให้เราเห็น แล้วจำได้ เช่น เราเดินเข้าไปในห้องแล้วเรามองเห็นผ้าพันคอพาดอยู่บนเก้าอี้ ประสาทสัมผัสจากตาส่งไปที่สมองแล้วทำให้จำได้ว่านั่นคือผ้าพันคอของเรา เราไม่ได้เข้าไปมองหาผ้าพันคอแต่เรามองเห็น หรือในขณะที่เรานั่งอยูริมหน้าต่างแล้วบังเอิญเห็นนกที่บินผ่านมา ซึ่งสถารการณ์อย่างนี้จะใช้ voir ทีนี้มาดูตัวอย่างการใช้ voir กับ regarder
Il fait noir. On ne voit rien dans cette cave. มันมืดมาก เรามองไม่เห็นอะไรเลยในห้องใต้ดิน
Je ne vois rien sans mes lunettes ! ไม่มีแว่นตาฉันมองไม่เห็นอะไรเลย
Regardez là-bas, la femme avec la longue jupe ! มองไปทางโน้นสิ, ผู้หญิงที่ใส่กระโปรงยาวๆ
Regarde ce truc ! ดูสิ่งนี้สิ !
ทีนี้เรามาดูเวลาที่เอาคำสับสนทั้งสองคำนี้มาเปรียบเทียบกันดูให้เห็นชัดๆ
Tu as vu que je t’avais envoyé un mail ? เธอเห็นไหมว่าฉันส่งอีเมลล์ให้เธอ สมมุติว่าให้อีกคนตอบว่า เห็น ฉันเห็นว่ามีอีเมลล์เข้ามาในกล่องจดหมาย
Tu as regardé le mail que j’ai envoyé ? แปลว่า เธอได้อ่านจดหมายที่ฉันส่งไปให้หรือยัง คำตอบก็คือ ยัง ฉันยังไม่ได้เปิดอ่านเลย (แค่เห็นว่ามีจดหมายเข้ามา แต่ยังไม่ทันได้อ่าน)
Je regarde par la fenêtre. Je vois Paris et la Tour Eiffel. J’adore cette vue. ฉันมองออกไปนอกหน้าต่าง ฉันเห็นปารีสและหอไอเฟล ฉันชอบวิวนี้มากเลย. อย่างภาพข้างบนเป็นโรงแรม Shangri-La ที่วิวเป็นหอไอเฟล สวยมากๆ แต่ราคาก็แพงมากๆ เหมือนกัน ส่วนภาพบนสุดคือโต๊ะอาหารเช้าในโรงแรม Balzac
J’ai vu l’accident en passant, mais je n’ai pas regardé. ตอนที่ผ่านไปฉันเห็นว่ามีอุบัติเหตุ แต่ฉันไม่ได้ (หยุด) มอง (ในรายละเอียดของอุบัตินั้น)
เราใช้ Voir un film การดูหนังในโรงภาพยนต์ และจำไว้ว่าไม่มีการใช้ Regarder สำหรับโรงหนัง เช่น
On va voir un film ce soir ? เราไปดูหนังกันมั๊ยเย็นนี้
Tu as vu X-Men Apocalypse ? เธอดูหนังเรื่อง X-Men Apocalypse หรือยัง?
แต่สำหรับทีวีเราต้องใช้คำกริยา Regarder (Watch) เพราะโปรแกรมในทีวีนั้นมีการเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ โดยเฉพาะเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นหมาดๆ หรือว่ากำลังจะเกิดขึ้นเร็วๆ นี้ เช่น
On regarde une série ce soir ? เย็นนี้เราดูซีรี่ส์กันไหม?
Je suis en train de regarder le dernier épisode de la série Friends. ฉันกำลังดูตอนล่าสุดของซีรี่ส์เฟรนด์
จะเห็นว่า On regarde la télé. แต่ On voit un film.
อย่างไรก็ตามเรายังสามารถใช้คำกริยา « Mater » ได้ทั้งสองกรณีนี้ Mater un film. Mater une série. Mater un épisode. หรือ Mater un DVD. แต่มีข้อควรระวังเพราะบางที่วัยรุ่นก็ใช้คำนี้เป็นสแลง เช่น Mater une fille. การจ้องมองสาวหรือการเหล่สาวในภาษาบ้านเรานั่นเอง
เป็นอย่างไรบ้างค่ะ คำสับสน คำกริยา 2 คู่ที่ดูคล้ายกัน หวังว่าคงจะได้รับความกระจ่างและนำไปใช้ให้ถูกต้องกัน บทต่อไปจะเป็นอีก 2 คู่ Savoir กับ Connaître รู้กับรู้จักและ Se rappeler กับ Se souvernir จำได้กับรำลึกถึง ที่ชวนให้งงกว่าสองคู่ข้างบนอีก อย่าลืมติดตามกันนะคะ