7 โรงเรียนแปลกประหลาด แต่มีอยู่จริงบนโลกนี้
แค่เห็นชื่อเรื่อง 7 โรงเรียนแปลกประหลาด แต่มีอยู่จริงบนโลกนี้ หลายคนอาจสงสัยว่ามันแปลกยังไง เพราะหากให้นึกถึงโรงเรียน เราก็จะนึกถึงโรงเรียนที่เราเคยเรียนหรือแม้แต่โรงเรียนอื่นๆ ก็ตาม โดยโรงเรียนเหล่านั้นก็จะมีลักษณะคล้ายกัน โดยมีการเรียนการสอนในวิชาหลักตามเกณฑ์ปกติ และสถานที่ๆ เรียกว่าโรงเรียนก็มักจะมีลักษณะที่คล้ายกัน แต่ทราบหรือไม่ว่ายังมีโรงเรียนอีกมากมายที่แปลกแหวกแนวไม่เหมือนโรงเรียนที่เรารู้จักกันในปัจจุบัน มาดูกันว่า 7 โรงเรียนแปลกประหลาด จะมีความแปลกแหวกแนวจากโรงเรียนทั่วไปขนาดไหน
1. โรงเรียนประถมในถ้ำต้งจง (Dongzhong Cave School)
โรงเรียนประถมศึกษาแห่งนี้ตั้งอยู่ในถ้ำบนภูเขาใกล้ๆ กับหมู่บ้าน มง มณฑลกุ้ยโจว ในประเทศจีน ซึ่งโรงเรียนแห่งนี้ตั้งอยู่ในจังหวัดที่ถือได้ว่าเป็นหนึ่งในจังหวัดที่ยากจนที่สุดของประเทศจีน โดยทางรัฐบาลก็ไม่ค่อยให้ความสนับสนุนโรงเรียนนี้เท่าที่ควร ดังนั้นโรงเรียนนี้จึงต้องอาศัยถ้ำแทนอาคารเรียน โดยทางหมู่บ้านเป็นคนคิดกันขึ้นมาเองว่าจะใช้ถ้ำเป็นสถานที่ในการสอนหนังสือให้กับลูกหลานพวกเขา ต้งจง แปลว่าในถ้ำ โรงเรียนแห่งนี้เปิดสอนในปี ค.ศ.1984 โดยมีครูเพียงแค่ 8 คน และนักเรียน 186 คนเท่านั้น
ที่น่านับถือก็คือเด็กบางคนต้องใช้เวลาหลายชั่วโมงในการเดินทางมาเรียนหนังสือ นอกเหนือจากความสวยงามตามธรรมชาติของถ้ำ ภายก็จะมีโต๊ะสำหรับครูและเรียนที่ทำด้วยไม้ มีสนามบาสเกตบอลชั่วคราวให้นักเรียนได้เล่นในยามว่าง แต่เรื่องที่น่าเศร้าก็คือในปี ค.ศ. 2011 ทางรัฐบาลของจีนได้สั่งปิดโรงเรียนแห่งนี้ด้วยเหตุผลที่ว่า ประเทศนี้ไม่ใช่สังคมของมนุษย์ถ้ำ
2. โรงเรียนเรือในบังกลาเทศ (Boat Schools in Bangladesh)
แนวความคิดของโรงเรียนนี้ก็คือ ถ้าเด็กไม่สามารถเดินทางมาโรงเรียนได้ โรงเรียนจะเดินทางไปตามหาเด็กๆ เพราะที่ประเทศบังกลาเทศนั้นจะมีน้ำท่วมใหญ่ถึง 2 ครั้งต่อปีทำให้เกิดปัญหากับเด็กๆ ขึ้นเพราะว่าน้ำท่วมทำให้เด็กไม่สามารถไปโรงเรียนได้ จึงมีองค์กรการกุศลที่ถูกตั้งขึ้นมาเพื่อช่วยเหลือผู้คนโดยการสร้างบ้าน ศูนย์ดูแลสุขภาพ และที่สำคัญก็คือโรงเรียนเรือ ซึ่งทางองค์กรการกุศลนั้นได้สร้างโรงเรียนเรือขึ้นมากว่า 100 ลำเลยทีเดียว โดยโรงเรียนเรือนั้นไม่ธรรมดาเพราะใช้พลังงานจากแผงโซล่าเซลล์ในการขับเคลื่อนแถมบนเรือยังมีห้องสมุด และ WiFi ให้เด็กๆ สามารถเชื่อมต่อกับโลกอินเตอร์ด้วย เมื่อเกิดน้ำท่วมขึ้น โรงเรียนเรือก็จะออกไปรับเด็กๆ เพื่อให้เด็กมาเรียนได้ตามปกติ จากนั้นก็จะไปส่งนักเรียนที่บ้าน ซึ่งมีนักเรียนกว่า 7 หมื่นคนที่ได้ใช้ประโยชน์จากโรงเรียนเรือแห่งนี้นับตั้งแต่ปี ค.ศ. 2002 มาจนถึงปัจจุบัน
3. โรงเรียนแอบเบอร์ (Abo Elementary School and Fallout Shelter)
ตั้งอยู่ที่รัฐนิวแม็กซิโก ประเทศสหรัฐอเมริกา โรงเรียนประถมศึกษาแห่งนี้ถือได้ว่าเป็นสถานศึกษาแห่งแรกของสหรัฐอเมริกาที่อยู่ใต้ดิน เนื่องจากในสมัยนั้นได้มีสงครามเย็นและมีแนวโน้มว่าจะเกิดสงครามนิวเคลียร์กับสหภาพโซเวียต ทางประธานาธิบดีจอห์น เอฟ เคนเนดี้ จึงประกาศสร้างที่พักอาศัยและโรงเรียนใต้ดินแอบเบอร์ขึ้นมาเพื่อหลบนิวเคลียร์ในปี ค.ศ. 1962 โดยมีเนื้อที่ 10 เอเคอร์หรือมากกว่า 25 ไร่ อยู่ลึกลงไปใต้ดิน 18 ฟุตครอบคลุมด้วยพื้นคอนกรีตเสริมเหล็กที่หนาถึง 21 นิ้ว ประตูเหล็กเป็นเหล็กหนาแข็งแรง ภายในมีห้องเรียน ห้องอาหาร ห้องนอน ห้องยิมสำหรับออกกำลังกาย ห้องเก็บเสบียงอาหาร มีระบบถ่ายเทอากาศ ถ้ามีระเบิดนิวเคลียร์จริงคนข้างในก็ยังคงดำรงชีวิตอยู่ได้สบายๆ แต่ละห้องเรียนสามารถบรรจุนักเรียนได้ถึง 540 คน แต่หลังจากที่สร้างเสร็จแล้วปรากฏว่าที่นี้ไม่ค่อยได้ใช้งานและค่าใช้จ่ายในการดูแลนั้นค่อนข้างสูง จึงทำให้โรงเรียนใต้ดินแห่งนี้ถูกปิดตัวลงในปีค.ศ.1995
4. โรงเรียนมัธยมฮาร์วีย์ มิลค์ นิวยอร์ก (Harvey Milk High School)
เป็นโรงเรียนที่ตั้งขึ้นโดยนายฮาร์วี่ย์ มิลค์ นักต่อสู้เพื่อสิทธิของชาวรักร่วมเพศ การมีรสนิยมทางเพศที่แตกต่างไม่ใช่เรื่องแปลก โรงเรียนแห่งนี้สร้างขึ้นสำหรับ LGBT ไม่ว่าจะเป็น เกย์ เลสเบี้ยน และสาวประเภทสอง เป็นการเรียนการสอนในทางบวก และเป็นสังคมที่ปลอดภัยสำหรับชาวสีรุ้ง ปัจจุบันเป็นโรงเรียนที่มีชื่อเสียงระดับโลกที่ไม่ใช้พื้นฐานทางเพศในการแบ่งแยกผู้คน ทุกคนมีความเท่าเทียมกัน
5. โรงเรียนสอนพ่อมด แม่มด ซาเลม แมซซาซูเสท์
ถ้าใครอยากมีคาถาแบบ Harry Potter ในนวนิยายของ JK Rowling ก็ต้องเข้าโรงเรียนสอนพ่อมดแม่มด ซาเลม ที่เมืองแมซซาซูเสท์ เดิมทีการเรียนเรื่องเวทมนต์คาถานั้นจะไม่มีการบรรยาโดยตรงต่อหน้าทุกคน แต่ผ่านการเรียนแบบออนไลน์ทาง WitchSchool.com ซึ่งมีนักเรียนสนใจลงทะเบียนเรียนกันมากถึง 40,000 ในปี 2009 มีการตั้งเป็นโรงเรียนที่มีการเรียนการสอนขึ้นมาจริงๆ ที่เมืองรูสเวลท์ ชิคาโก้ หลักสูตรการเรียนการสอนก้เริ่มเรียนกันตั้งแต่วิชาฟิสิกส์ ศาสตร์แห่งการพยากรณ์หรือการดูดวงซะตา ศาสตร์แห่งลัทธิวิคคา รวมถึงลัทธินอกศาสนา จนชาวคริสเตียนที่อาศัยอยู่แถวนั้นเกิดความไม่พอใจกิจกรรมของทางโรงเรียน จึงแห่กันมาขับไล่ จึงทำให้ Witch School ย้ายมาที่ ซาเลม แมซซาซูเสท์ดินแดนพ่อมดหมอผี และมีการผลิตนักเรียนกว่า 240,000 คน
6. โรงเรียนสอนวิชาโสเภนี Trabajo Ya>
โรงเรียนนี้สร้างขึ้นมาในปี ค.ศ. 2012 ตั้งอยู่ที่เมืองวาเลนเซีย ประเทศสเปน เนื่องจากในสเปนนั้นการค้าประเวณีถือว่าเป็นเรื่องถูกกฏหมาย ที่นั่นมีคนประกอบอาชีพนี้อยู่ราวๆ 200,000 – 400,000 คน การขายบริการทางเพศถือเป็นอาชีพอย่างหนึ่ง ซึ่งผู้ประกอบอาชีพนี้ก็มีหน้าที่เสียภาษีเหมือนอาชีพอื่นๆ เมื่อเรื่องนี้ถูกนำมาวางไว้บนโต๊ะแบบถูกกฎหมาย โรงเรียนTrabajo Ya จึงเปิดให้มีการเรียนการสอนวิชาชีพด้วยซะเลย โดยทางโรงเรียนจะสอนตั้งแต่วิชาประวัติศาสตร์ของโสเภณี เคล็ดลับต่างๆ เกี่ยวกับโสเภนี ไม่ว่าจะเป็นทั้งเรื่องของทฤษฏีและปฎิบัติ รวมถึงการใช้อุปกรณ์ต่างๆ ด้วย โดยจะเปิดสอนเพียงแค่ 2 ชั่วโมงต่อวันเท่านั้น นักเรียนมีทั้งหญิงและชาย คุณสมบัติของนักเรียนคือหน้าตาดี ไม่ขี้อายและมีอายุ 18 ปีขึ้นไป โดยพวกเขาต้องจ่ายเงินค่าเรียนคอร์สละ 100 ยูโรหรือประมาณ 4000 บาท ตามตำราเรียนที่โด่งดังทั่วโลกก็คือตำรากามาสุตรา เพื่อเพิ่มความชำนาญและความเป็นมืออาชีพนั่นเอง Trabajo Ya แปลว่าทำงานเดี๋ยวนี้ ดังนั้นคนที่ผ่านหลักสูตรนี้จะมีการเสนองานให้ทำทันที
7. โรงเรียนเบอร์เจสฮิว (Burgess Hill School)
โรงเรียนในยุค 60’s แห่งนี้ตั้งอยู่ที่เมืองแฮมป์สตีด แถบชานเมืองลอนดอน เป็นโรงเรียนที่มีแนวคิดว่าเด็กๆ ควรหาตัวเองให้เจอก่อน เรื่องเรียนเอาไว้ทีหลัง ดังนั้นโรงเรียนเบอร์เจสฮิวจึงเป็นโรงเรียนที่ไร้ซึ่งกฎเกณฑ์ การเรียนการสอนไม่ใช่สิ่งสำคัญเพราะนักเรียนของโรงเรียนนี้ไม่มีความมุมานะพอที่จะเรียนหรือนับเลข นักเรียนได้รับอิสระที่จะสามารถทำอะไรก็ได้ตามต้องการ ไม่ว่าจะเป็นการสูบบุรี่ในห้องเรียน การนำเอาสัตว์เลี้ยงมาเลี้ยงในห้องเรียน สามารถแต่งกายอย่างไรมาเรียนก็ได้รวมไปถึงทรงผมด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ตามโรงเรียนแห่งนี้มีกฎอยู่ 2 ข้อ กฎข้อแรกที่ออกมาก็คือ ห้ามตั้งแก้งค์ชกต่อยกัน และกฎข้อที่สองคือ กฎเป็นอะไรที่โง่และไม่ได้สนับสนุนความถูกต้องเลย แต่สำหรับนักเรียนคนใดที่ดื้อมากๆ ก็จะต้องสวมชุดเครื่องแบบนักเรียนของทางโรงเรียน เมื่อปีค.ศ.1960 โรงเรียนแห่งนี้ก็เคยได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก แต่อย่างไรก็ตามโรงเรียนแห่งนี้ก็ได้ถูกปิดไปแล้ว วีดีโอข้างล่างเป็นสภาพภายในโรงเรียนเบอร์เจสฮิว ที่มีการบันทึกไว้ตั้งแต่ปี ค.ศ.1961 น้องๆ ดูแล้วก็อย่าเอาเยี่ยงอย่างนะคะ
เป็นโรงเรียนที่แปลกประหลาดจริงๆ บางโรงเรียนก็น่านับถือในความมุมานะของเด็กๆ ที่ลำบากแค่ไหนก็อยากไปโรงเรียนเพื่อเรียนหนังสือ แต่บางโรงเรียนนี่ก็ไม่แน่ใจว่าพ่อแม่จะอยากให้ลูกไปเรียนหรือเปล่า
รวมเรื่องน่ารู้ นานาสาระจากมะนาว ดอทคอม