บรูจส์ เมืองมรดกโลก – Bruges เบลเยี่ยม (ภาคแรก)

บรจส เมองมรดกโลก Bruges Belgium

บรูจส์ เมืองมรดกโลก – Bruges เบลเยี่ยม (ภาคแรก)

บรูจส์ เมืองมรดกโลก มีชื่อเรียกว่า Bruges ในภาษาอังกฤษและฝรั่งเศส หรือในภาษาเฟลมมิชเรียกว่า Brugge หรือที่ชาวเมืองสมัยก่อนเรียกว่า Brujas เป็นเมืองเล็กๆ อยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของเบลเยี่ยม ถ้านั่งรถไฟมาจากบรัสเซลส์จะใช้เวลาประมาณ 50 นาที และเป็นเมืองหลวงของมณฑลฟลานเดอร์ตะวันตก เป็นเมืองเล็กๆ แต่มีความสวยงามราวกับอยู่ในเทพนิยาย จนได้รับการขนานนามว่าเป็น “Venice of the North” คนที่อาศัยอยู่ในเมืองนี้จะใช้ภาษาเฟลมมิช หรือดัตช์ เป็นภาษาหลัก แต่คนส่วนมากก็พูดได้ทั้งภาษาฝรั่งเศสและอังกฤษ

Bruges Belgium 3

บรูจส์ เคยเป็นเมืองท่าที่สำคัญ เละเจริญรุ่งเรืองมากๆ ในช่วงศตวรรษที่ 12-15 มีการขุดคลองรอบๆ เมือง และมีป้อมที่คอยเก็บภาษีอากรในการเดินทางผ่านเข้ามาในเมืองนี้ถึง 8 แห่งด้วยกัน ต่อมาท่าเรือเกิดความตื้นเขินจนเรือไม่สามารถเข้ามาได้ ท่าเรือและความเริญรุ่งเรืองต่างๆ เลยย้ายไปอยู่ที่  Antwerpen บรูจส์จึงหลับไหลไป เหมือนกับสาวงามที่ถูกลืม จนกระทั่งหลายร้อยปีผ่านไป ยุโรปก็ปลุกบรูจส์ให้ตื่นขึ้นมา ใจกลางเมืองเก่าที่เราเห็นเป็นรูปไข่ในแผนที่ของเมืองบรูจส์นั้นได้รับการประกาศให้เป็นมรดกโลก จากองค์การยูเนสโก ในปี ค.ศ. 2000

Belfort (Belfry) 

Belfort หรือ Belfry เป็นหอระฆังประจำเมือง ที่มีความสูงถึง 83 เมตร เปิดให้เข้าชมข้างบน แต่ต้องเดินขึ้นบันไดถึง 366 ขั้น สาวๆ ที่ไส่ส้นสูงต้องระวังนิดหนึ่งเพราะไม่มีราวบันไดให้จับ มีแค่เชือกที่ตรึงไว้กับผนังไว้ให้จับ เวลาเดินขึ้นลงแอบขาสั่นนิดๆ วิวเมืองบูจส์เวลามองลงมาจากข้างบนสวยคุ้มค่าจริงๆ ตึกข้างล่างของหอ Belfort  เป็นสถาปัตยกรรมสไตล์โกธิค ที่มักจะมีการจัดแสดงนิทรรศกาลต่างๆ ไว้ให้นักท่องเที่ยวเข้าชมฟรี 

Grote Markt

ก็เหมือนทุกๆ เมืองในยุโรปที่จะต้องมีจตุรัสกลางเมือง ในภาษาเฟลมมิชจะเรียกว่า Grote Markt‎ ที่จะเป็นจุดศูนย์กลางของเมือง ตรงกลางของ Markt จะมีอนุสวรีย์ของ  Jan Breydel และ Pieter de ซึ่งถือว่าเป็นฮีโร่ของเมืองบรูจส์ รอบๆ ก็จะเรียงรายไปด้วยตึกโบราณสีสันสวยงามที่ปัจจุบันกลายมาเป็นร้านค้าและร้านอาหาร  

Bruges Belgium 1

Stadhuis (City Hall)

Stadhuis เป็นศาลาว่าการเมือง เป็นอาคารสไตล์โกธิค สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1376 เป็นอาคารที่เก่าแก่ที่สุด  ด้านหน้าอาคารเป็นจตุรัสเล็กที่รายล้อมไปด้วยตึกต่างๆ ที่สวยงาม ภายใน Stadhuis นั้นสวยมากจนตกตลึงก้าวขาแทบไม่ออก ที่นี่จะมีการจัดพิธีแต่งงานทุกบ่ายวันพฤหัสบดี ถ้าอยากมาชมข้างในฟรีก็เนียนๆ ว่าเป็นญาติกับเจ้าบ่าวหรือเจ้าสาวก็ได้ 

ขวามือสุดที่ติดกับศาลาว่าการเมือง ก็คือมหาวิหารพระโลหิตศักดิ์สิทธิ์  Holy Blood หรือ Basilica of the Holy Blood ที่มีการจัดพิธีอย่างใหญ่โตในวันพระเยซูเสด็จกลับขึ้นสู่สวรรค์ 

Old Civil Registry 

เป็นอาคารที่อยู่ทางซ้ายมือของ Stadhuis เป็นอาคารที่ใช้เก็บเอกสารสำคัญของเมือง เป็นสถาปัตยกรรมเรอแนซ็องส์ที่หรูหราสวยงาม ชนิดที่ว่าลอดผ่านอาคารไปแล้วยังต้องหันกลับมามองและถ่ายรูปอีกรอบ 

Liberty of Bruges 

อาคารนี้ถูกสร้างขึ้นในระหว่างปี ค.ศ. 1722 – 1727 เพื่อใช้เป็นศาลในการว่าความคดีต่างๆ ในระหว่างปี ค.ศ. 1795 – 1984 ข้างในตกแต่งด้วยหินอ่อน ปัจจุบันถูกใช้เป็นที่เก็บเอกสารสำคัญของเมือง 

เดินลอดอาคาร Old Civil Registry ออกมาก็จะผ่านร้านอาหารหลายร้าน แล้วก็มาถึงมุมมหานิยม เป็นภาพริมคลองที่มี โรงแรมและร้านอาหาร Duc de Bourgogne และวิวหอ Belfort อยูด้านหลัง ในเดือนสิงหาคมจะมีการแสดงแสงสีในคลองสวยงามมาก ตอนกลางคืนน้ำในคลองจะใสเหมือนกระจก ซึ่งก็โรแมนติคไปอีกแบบ 

บรจส เมองมรดกโลก Bruges Belgium 2

อีกทริปหนึ่งที่พลาดไม่ได้คือ การล่องเรือชมวิวเมือง ที่มีมุมสวยๆ สวยมากจนกดชัตเตอร์กันแทบไม่ทันเลยเลยทีเดียว คนขับเรือจะอธิบายได้หลายภาษาอย่างเช่น อังกฤษ ฝรั่งเศส ดัตซ์ เยอรมัน เป็นต้น แล้วแต่ว่าลูกค้าในเรือเป็นชนชาติใด ข้ามถนนเดินเรีบคลองมาก็จะเป็นตลาดขายของริมคลอง มีแต่ของที่ระลึกน่ารักๆ ชวนให้เสียตังค์ 

Bruges Belgium 2

บรจส เมองมรดกโลก Bruges Belgium 1

มีเวลาเหลือเยอะก็เดินชมเมืองทุกซอกทุกมุมได้อย่างไม่เบื่อ เดินมาจนเจอ อนุสาวรีย์ Jan van Eyckplein นักวาดภาพผู้โด่งดัง

ของเฟลมมิชซะงั้น

Bruges Belgium 4

ขอจบการรีวิว บรูจส์ เมืองมรดกโลก ด้วยภาพสไลด์สวยๆ จากคลิปวีดีโอ ติดตาม ภาคสอง ได้ในวันถัดไปนะคะ แล้วจะมาเล่าให้ฟังว่ามีขนมร้านไหนอร่อยไม่ควรพลาด

https://www.youtube.com/watch?v=BjGeTlQDX8o